ลักษณนาม
๑. การเรียงลำดับคำ
การเรียงลำดับคำ เรียงตามลำดับคำแบบพจนานุกรม คำที่มีความหมายเหมือนกันจะเก็บไว้ด้วยกันโดยใช้เครื่องหมายจุลภาคคั่นและเรียงสลับกันไปในตำแหน่งของหมวดอักษรนั้น
ๆ โดยแสดงลักษณนามไว้ที่คอลัมน์ด้านขวา เช่น
กงกระสุน - คัน
กงเกวียน, กงล้อ - กง, วง
๒. คำนามที่มีหลายความหมาย
๒.๑ การกำหนดลักษณนามของคำนามที่มีหลายความหมาย
ถ้าทุกความหมายมีลักษณนามเหมือนกันจะไม่ให้คำนิยามความหมายไว้
แต่ถ้ามีลักษณนามแตกต่างกันจะให้คำนิยามสั้น ๆ
ไว้ในเครื่องหมายวงเล็บหลังคำนามนั้น ๆ เพื่อบอกให้ทราบว่า
เฉพาะความหมายที่กำหนดไว้ในเครื่องหมายวงเล็บเท่านั้นที่มีลักษณนามตามที่กำหนด
เช่น
ดารา - ดวง
ตอม่อ (เสาบ้าน)
- ต้น
ตอม่อ (ฐานรองรับสะพาน)
- ตอม่อ
๒.๒ คำนามที่มีความหมายคล้ายกันหรือใกล้เคียงกัน
แต่ใช้ลักษณนามคำเดียวกันจะเก็บไว้ด้วยกันโดยใช้เครื่องหมายอัฒภาคคั่น เช่น ศาล; ศาลเจ้า; ศาลเทพารักษ์ - ศาล
๒.๓ คำนามที่มีหลายความหมาย
แต่ใช้ลักษณนามเหมือนกัน จะให้คำนิยามสั้น ๆ ไว้ในเครื่องหมายวงเล็บหลังคำนามนั้น
ๆ โดยใช้เครื่องหมายอัฒภาคคั่น เช่น
ชนัก (เครื่องแทงสัตว์; เครื่องผูกคอช้าง) - เล่ม
๓. คำนามที่มีลักษณนามได้หลายอย่าง
คำนามบางคำอาจมีลักษณนามได้หลายอย่าง
ในการกำหนดลักษณนามแบ่งออกเป็น ๓ แบบ คือ
๓.๑ กำหนดลักษณนามที่นิยมใช้กันมากไว้หน้าสุดและลักษณนามอื่น ๆ
เรียงตามกันไปโดยใช้เครื่องหมายจุลภาคคั่น เช่น
ไข่ - ใบ, ฟอง, ลูก
โคม (ชนิดต่าง ๆ)
- ดวง, ใบ, ลูก
๓.๒ กำหนดลักษณนามแตกต่างกันตามสภาพที่เป็นอยู่
โดยใช้เครื่องหมายอัฒภาคคั่น เพื่อบอกให้รู้ว่าลักษณ-นามนั้น ๆ แม้จะเป็นลักษณนามของสิ่งเดียวกันแต่ก็มีความแตกต่างกันตามสภาพ
เช่น
ซิ่น, ผ้าซิ่น - ผืน; ตัว, ถุง
หมายความว่า ซิ่น หรือ ผ้าซิ่น ถ้ายังไม่ได้ตัดเย็บลักษณนามใช้ว่า ผืน
แต่ถ้าตัดเย็บแล้วใช้ลักษณนามว่า ตัว หรือ ถุง
ปิ่นโต - ใบ, ลูก; เถา, สาย
หมายความว่า ปิ่นโตแต่ละใบ ใช้ลักษณนามว่า ใบ หรือลูก
แต่ถ้านำมาเรียงซ้อนกันแล้วมีเครื่องยึดรวมเข้าด้วยกัน ใช้ลักษณนามว่า เถา หรือ
สาย
บางครั้งอาจให้คำอธิบายสั้น ๆ ไว้หลังลักษณนามนั้น ๆ
โดยใส่คำอธิบายไว้ในเครื่องหมายวงเล็บ เช่น
ระนาด (เครื่องปี่พาทย์ชนิดหนึ่ง) - ลูก (ลูกระนาด);ผืน (ลูกระนาดที่ร้อยเข้าเป็นชุด); ราง
๓.๓ กำหนดลักษณนามตามขนาด ความกว้าง ความยาว ปริมาณ น้ำหนัก
หรือรูปแบบที่ใช้งาน โดยระบุว่า “เรียกตามลักษณะ” หรือ “เรียกตามลักษณะหรือลักษณะบรรจุภัณฑ์” แล้วให้ยกตัวอย่างลักษณนาม เช่นทอฟฟี่ -
เรียกตามลักษณะหรือลักษณะบรรจุภัณฑ์
เช่น
เม็ด อัน ห่อ แท่ง
หรือกำหนดทั้งลักษณนามทั่วไปและลักษณะบรรจุภัณฑ์ เช่น
ด้าย
- เส้น; เรียกตามลักษณะหรือลักษณะบรรจุภัณฑ์
เช่น กลุ่ม เข็ด ไจ หลอด
ผม
- เส้น; เรียกตามลักษณะ
เช่น กระจุก ปอย
ฉลองพระเนตร -
องค์
ฉลองพระบาท, รองพระบาท - ข้าง, องค์; คู่
ในกรณีที่คำนามนั้นเป็นทั้งคำราชาศัพท์และคำนามที่ใช้ได้ทั่วไป
จะกำหนดลักษณนามไว้ทั้ง ๒ อย่าง เช่น
พระขรรค์
- องค์; เล่ม
(ถ้าใช้ทั่วไป)
๔. คำนามที่เป็นคำรวม
คำนามที่เป็นคำรวม
เช่น ขนม ผลไม้ ดอกไม้ จะกำหนดลักษณนามรวมไว้โดยไม่แยกออกเป็นชนิดย่อยตามนามของสิ่งเหล่านั้น
แต่ถ้าลักษณนามของชนิดย่อยมีเพิ่มขึ้นหรือแตกต่างไปจากที่กำหนดไว้ในลักษณนามรวม
ก็จะตั้งคำนามของชนิดย่อยและกำหนดลักษณนามที่เพิ่มขึ้นหรือแตกต่างออกไปจากลักษณนามรวมไว้ที่ลำดับคำนั้น
ๆ เช่น
ขนม
- เรียกตามลักษณะ เช่น ชิ้น อัน แผ่น ตัว;
เรียกตามภาชนะที่บรรจุ เช่น ถ้วย ชาม
ขนมครก -
ฝา; คู่
ขนมจีน -
จับ, หัว
ไข่นกกระสา (ขนม) - ลูก
ซาลาเปา -
ใบ, ลูก
๕. คำนามที่เป็นคำราชาศัพท์
คำราชาศัพท์ที่เก็บไว้ส่วนใหญ่เป็นคำราชาศัพท์ที่ไม่ได้เกิดจากการเติมคำว่า
“พระ” หน้าคำนาม
และมักจะใช้เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์เท่านั้น
ส่วนคำราชาศัพท์ที่เกิดจากการเติมคำว่า “พระ” หน้าคำนามทั่ว ๆ ไป มีเก็บไว้เป็นส่วนน้อย ทั้งนี้เพราะเห็นว่า
คำนามที่เป็นคำราชาศัพท์ ส่วนใหญ่จะมีลักษณนามเป็น“องค์” ยกเว้นที่กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น เช่น
ฉลองพระเนตร
- องค์
ฉลองพระบาท, รองพระบาท - ข้าง, องค์; คู่
ในกรณีที่คำนามนั้นเป็นทั้งคำราชาศัพท์และคำนามที่ใช้ได้ทั่วไป จะกำหนดลักษณนามไว้ทั้ง
๒ อย่าง เช่น
พระขรรค์ - องค์; เล่ม (ถ้าใช้ทั่วไป)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น